สังคมไทยความเชื่อและไสยศาสตร์

ความเชื่อในสังคมไทยเป็นเรื่องคู่กันจนไม่สามารถแยกออกได้แต่ในเรื่องของไสยศาสตร์เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีคนพูดถึงกันมากและดูเหมือนว่าทั้ง 3 เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกันจนในบางครั้งเราก็มองว่าเรื่องความเชื่อและไสยศาสตร์เป็นสิ่งเดียวกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเร้นลับหรือเรื่องลี้ลับซึ่งแน่นอนว่าสิ่งนี้ย่อมมีผลต่อสภาพของสังคมไทยและความเป็นอยู่ของใครหลายคนคำว่าไสยศาสตร์ในที่นี้มีความหมายต่างๆมากมายตามที่ผู้รู้ได้ให้ความหมายเอาไว้ดังนี้ ไสยศาสตร์ คือ การเชื่อถือ โดยรู้สึกถึงความเกรงขามหรือความกลัวโดยเข้าใจว่าสิ่งนั้นอยู่เหนือธรรมชาติอันไม่สามารถสร้างด้วยเหตุผลตามหลักวิทยาศาสตร์ได้และเมื่อมีความรู้สึกแบบนั้นคนเราก็จะแสดงความเชื่อถือความรู้สึกออกมาในรูปแบบของการประกอบพิธีกรรมด้วยเวทมนต์คาถาเพื่ออำนวยประโยชน์แก่ผู้ที่เชื่อถือในเรื่องนั้นในทางที่ดีเช่นเพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลและป้องกันเหตุร้าย ไสยศาสตร์เรียกว่าเป็นคู่กันกับอารมณ์ของมนุษย์ซึ่งปราศจากการใช้เหตุผลและคำว่าอารมณ์ในที่นี้จึงหมายถึงความรู้สึกและความนึกคิดต่างๆนานาที่ปล่อยให้เป็นไปตามความรู้สึกล้วนๆซึ่งตามธรรมชาติของสัตว์จะไม่อาศัยการใช้สติปัญญาหรือเหตุผลใดๆ กล่าวโดยสรุปก็คือไสยศาสตร์เป็นเรื่องของเวทมนตร์คาถาเป็นเรื่องของอำนาจลึกลับเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นเครื่องรางของขลังน้ำมนต์คาถาอาคมเป็นต้น  แต่ในแง่ของโหราศาสตร์กับสังคมไทยในเรื่องของความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์นั้นจึงเป็นเรื่องที่มีมาตั้งแต่โบราณกาลสมัยกษัตริย์ไทยโบราณทรงมีตำแหน่งหมอดูไว้ในราชสำนักเรียกว่าโหราธิบดีซึ่งในส่วนนี้ปัจจุบันได้มีการนำมาใช้อย่างแพร่หลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการทำนายลักษณะบุคคลในอนาคตหรือทำนายโชคชะตาซึ่งโดยจะดูจากวันเดือนปีเกิดรูปร่างและลักษณะหรือจากลายมือรวมไปถึงการดูไพ่ยิปซีก็ถือว่าเป็นเรื่องของความเชื่ออีกแขนงหนึ่งของทางโหราศาสตร์นั่นเอง ลายทหารพูดกันในเรื่องของความเชื่อกับสังคมไทยในยุคปัจจุบันนี้สิ่งที่เรามักจะพบเห็นได้ก็คือความเชื่อเรื่องของการทำเสน่ห์ยาแฝดหรือการถูกทำเสน่ห์คุณไสยที่ในตอนนี้เรามักจะเห็นข่าวมากมายที่สะท้อนถึงความเชื่อของคนในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพบหมอดูเพื่อทำนายดวงชะตาหรือการพบหมอดูเพื่อการถอนของสิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นเรื่องของความเชื่อที่เราหาเหตุผลไม่ได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับบุคคลหนึ่งคนอันเป็นเรื่องผิดปกติจะมีเหตุอันใดที่ทำให้มีอาการต่างๆเหล่านั้นนอกเสียจากว่าบุคคลคนนั้นโดนอาคมหรือโดนคุณไสยจนทำให้มีอาการแปลกไปและเมื่อได้รับการแก้ไขจากผู้ที่เรียกว่าเป็นบรมครูทางด้านนี้จึงทำให้อาการดีขึ้น ดังนั้นสิ่งต่างๆเหล่านี้จึงส่งผลโดยตรงต่อความเชื่อของคนในสังคมไทยมากขึ้นเรื่อยๆแต่ถึงอย่างไรก็ดีเราควรที่จะพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนที่จะเชื่อสิ่งใดนั้นเอง